วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สุขภาพดีที่ดูแล

เช็คสุขภาพง่าย ๆ แค่ส่องกระจก
เชื่อหรือไม่ว่า ร่างกายของคุณสามารถสะท้อนปัญหาสุขภาพในตัวคุณได้อย่างไม่คาดคิด อย่างเช่น ดร.ฮอลลี ฟิลลิปส์ ที่ออกมาระบุว่า เราสามารถตรวจสุขภาพร่างกายของเราเองได้ง่าย ๆ ด้วยการส่องกระจกสังเกตใบหน้าของเรานั่นเอง แล้วอย่าลืมสังเกตอวัยวะดังต่อไปนี้ด้วย

ขนตา

          ถ้าสังเกตเห็นว่า "ขนตา" ตรงส่วนปลายร่วง หรือสั้นลง นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า เราอาจมีระดับฮอร์โมนไทรอยด์ที่ต่ำกว่าปกติ

หนังตา

          ถ้าหากหนังตาเราบวม แล้วมีตุ่มเล็ก ๆ อยู่ที่มุมข้างในตา แสดงว่า คุณอาจมีคอเลสเตอรอลสูงเกินไป ต้องรีบลดด่วนแล้วล่ะ

ดวงตา

          ลองสังเกตดูว่า ดวงตาของคุณปูดโปนออกมาผิดปกติหรือไม่ ถ้าใช่ล่ะก็ แสดงว่า คุณมีไทรอยด์ฮอร์โมนที่สูงกว่าปกติ และหากตาขาวเปลี่ยนเป็นสีออกเหลือง ๆ แสดงว่า ตับ หรือถุงน้ำดีของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว

ผม

          ผมที่แห้ง และเปราะง่าย อาจบ่งบอกว่า คุณกำลังมีปัญหาที่ต่อมไทรอยด์ นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณว่า ร่างกายของคุณขาดธาตุเหล็กด้วย รวมทั้งหากคุณผมร่วงฉับพลัน แสดงว่า ตอนนี้คุณกำลังเครียดอย่างมากทีเดียว

ใบหูส่วนล่าง

          ข้อนี้อาจจะสังเกตยากหน่อย แต่ลองสังเกตดูว่า หากใบหูส่วนล่างมีรอยพับย่นเป็นเส้นทแยงมุม มันอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่า เลือดในร่างกายของคุณไหลเวียนไม่สะดวก ซึ่งทำให้คุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายได้โดยไม่รู้ตัว

เล็บมือ

          หากเล็บมือแห้งเปราะ อาจหมายถึงว่า คุณกำลังป่วยด้วยโรคไทรอยด์ หรือขาดธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 ถ้าเล็บมีเส้นขวางเป็นแนวนอน อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ หรือหัวใจล้มเหลว แต่หากเล็บเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีน้ำตาล คุณอาจกำลังติดเชื้อบางอย่าง หรือมีอาการผิดปกติอย่างเรื้อรังของปอดก็เป็นได้

เต้านมผู้ชาย

          คุณผู้ชายส่วนใหญ่มักละเลยก้อนเล็ก ๆ ที่กดแล้วไม่เจ็บบริเวณหน้าอก หรือใต้รักแร้ แต่รู้ไหมว่า ก้อนนั้นอาจเป็นมะเร็งเต้านมก็เป็นได้ แม้ความเป็นจริงแล้ว จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมเพียงแค่ 2% แต่ระวังไว้หน่อยก็ดี

เทคนิคการออกเดท วันวาเลนไทน์

  ใกล้จะถึงวันพิเศษที่สาว ๆ หลายคนรอคอยกันแล้ว นั่นคือวันที่ 14 กุมภาพันธ์ หรือ "วันวาเลนไทน์" นั่นเอง เชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงมีนัดออกเดทในวันนี้กับบรรดาคุณหนุ่ม ๆ แน่นอน และก็เชื่ออีกว่าสาว ๆ หลายคนก็ยังไม่รู้ว่า จะต้องเตรียมตัวอย่างไร แต่งชุดไหน ทำอะไรในวันพิเศษวันนี้ดี

          ดังนั้น เราเลยมีเทคนิคดี ๆ เคล็ดลับโดน ๆ ในการไปออกเดทกับ บรรดาหนุ่ม ๆ มาแชร์ให้บรรดาคุณสาว ๆ ได้รู้กัน ซึ่งเชื่อแน่ว่าถ้าบรรดาคุณสาว ๆ ทำได้แบบนี้ รับรองคุณสาว ๆ จะกลายเป็นนางในฝันของคู่เดทไปแบบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว ...

มั่นใจกับเสื้อผ้าของคุณ

          บรรดาคุณสาว ๆ ควรเลือกหรือเตรียมเสื้อผ้าให้พร้อมก่อนสักหนึ่งวัน ก่อนถึงวันนัด เพื่อที่จะได้พร้อมทุกอย่าง ไม่เกิดปัญหาในการเร่งรีบ ควรจับจุดให้ได้ว่า คู่เดทคนนั้นของเรา ชอบการแต่งตัวของเราสไตล์ไหน โดยอาจสังเกตได้จากเวลาไปไหนด้วยกัน ถ้าเขาคนนั้นหยิบชุดนั้นขึ้นมาทาบกับคุณนั่นแหละ คือสไตล์ที่เขาอยากให้คุณลองใส่ดู และควรเน้นชุดที่เหมาะพอดีกับเรา บวกกับกระแสแฟชั่นที่กำลังมาในขณะนั้น แต่เทคนิคสำคัญที่สุดควรเลือกชุดที่เราใส่แล้ว มีความมั่นใจที่สุดนั่นแหละ อย่าใส่ชุดที่เราต้องคอยมัวแต่กังวล 

รองเท้าสวยช่วยเพิ่มบุคลิก

          นอกจากเสื้อผ้า หน้าผม ที่คุณสาว ๆ มักจะให้ความสำคัญกันเป็นประจำอยู่แล้ว เรื่องรองเท้าก็เป็นอีกหนึ่งชิ้นที่สาวๆ จะขาดไม่ได้ รองเท้ามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเสื้อผ้า บลัชออน หรือลิปสติก เลยทีเดียว รองเท้ามีส่วนช่วยเสริมให้เรา มีบุคลิกที่สมาร์ทดูดี และมั่นใจในตัวเองมากขึ้น ถ้ารู้จักเลือกให้เหมาะสมกับตัวเอง รองเท้ายังมีส่วนช่วยทำให้คุณอาจเปลี่ยนจากหุ่นเตี้ยๆ กลายเป็นสาวหุ่นสูงเพรียว และบุคลิกภาพดี ขึ้นมาทันตาเลยก็ได้นะ

จังหวะการเดินเพิ่มความใกล้ชิด

          การเดิน คือ สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งของการออกเดท อันนี้สำคัญ อย่าได้มองข้ามไปเด็ดขาด สาวๆหลายคน ไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้ในวันออกเดทเลย คิดดูเถอะ ถ้าคุณกับเขาสามารถเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กันไปได้โดยตลอดอย่างไม่ขัดเขิน เป็นสิ่งที่น่าชื่นใจจะตาย ดังนั้นจังหวะในการเดินไม่ควรจะเร็วหรือช้าเกินไป ควรเดินในระดับที่เท่า ๆ กัน เพื่อเพิ่มความใกล้ชิ สนิทสนม เป็นกันเอง ให้คุณทั้งคู่มากยิ่งขึ้น

สนทนาดีมีชัยกว่าครึ่ง

          หลังจากคุณได้เจอกับคู่เดทแล้ว และได้มีการเริ่มพูดคุย การสนทนา และหัวข้อการพูดคุย ก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณสาว ๆ ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาด การพูดคุยนั้นไม่ควรพูดแต่เรื่องของตัวเอง ไม่คุยโม้โอ้อวดเกินจริง และควรเป็นผู้ฟังที่ดี คอยสนใจในคำพูดของคู่เดทของเรา เพื่อแสดงว่าเราใส่ใจในตัวของเขาคนนั้น แต่ถ้าอยู่ดี ๆ เกิดเงียบกันไปเลยทั้งคู่ ก่อนอื่นคุณต้องไม่คิดว่าความเงียบหรือการนิ่งเฉย หมายถึงว่าเขากำลังเบื่อ เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ ฉะนั้นเมื่อเงียบก็ต้องรีบหาหัวข้อคุยขึ้นมา เพื่อทลายกำแพงความเงียบนี้ซะ

แต่งหน้าแบบเบาเบา

แต่งหน้าสีเหลืองส้ม ในวันเบา ๆ
ถ้าหากจะพูดถึงการแต่งหน้าในวันเบา ๆ ที่สาว ๆ ไม่อยากจะมีสีสันบนใบหน้าให้เห็นชัดมากนัก สีส้มเหลืองถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับสาว ๆ ที่ไม่อยากแต่งหน้าสีนู้ดอีกต่อไป เพราะมันจะทำให้คุณดูเป็นสาวสบาย ๆ ที่พร้อมจะไปวิ่งเล่นพักผ่อน นั่งเล่นแบบชิว ๆ ในสวนหรือสถานที่ต่าง ๆ ขณะที่ใบหน้าของคุณก็ดูไม่จืดมากอีกซะด้วย ว่าแล้วก็ลองไปดูพร้อม ๆ กันดีกว่าว่า การแต่งหน้าสีเหลืองส้มให้ออกมาเบา ๆ แบบนี้จะมีเทคนิคยังไงบ้าง

  1. เริ่มจากรองพื้นบาง ๆ จากนั้นลงคอนซีลเลอร์ปกปิดให้เรียบร้อย แล้วตามด้วยแป้งฝุ่น
  2. เขียนคิ้วด้วยดินสอสีน้ำตาลให้โค้งได้รูป
  3. ใช้อายชาโดว์สีขาวแต้มบริเวณใต้หางคิว แล้วเกลี่ยให้กลมกลืนกับผิว
  4. เกลี่ยอายชาโดว์สีเหลืองให้ทั่วเปลือกตา และแนวขนตาล่าง
  5. เกลี่ยอายชาโดว์สีส้มบริเวณหางตาทั้งบนและล่าง จากนั้นเกลี่ยอายชาโดว์ทั้งสองสีให้ไล่สีกลมกลืนกัน
  6. กรีดอายไลเนอร์บาง ๆ โดยไม่ต้องตวัดบริเวณหางตา จากนั้นปัดมาสคาร่า
  7. ใช้บลัชออนสีชมพูอ่อน หรือสีน้ำตาลอ่อน ปัดบริเวณใต้โหนกแก้มเพียงบาง ๆ เท่านั้น
  8. ทาปากด้วยลิปสติกสีนู้ด หรือสีชมพูอ่อน จากนั้นลงลิปกลอสปิดท้าย เพื่อให้เรียวปากดูชุ่มชื้น

        หลังจากนั้น สาว ๆ คนไหนจะทาแป้งฝุ่นทับไปอีกนิด เพื่อให้ทุกอย่างอยู่บนใบหน้านาน ๆ ก็ยิ่งดี ทีนี้ สาว ๆ ก็พร้อมจะออกไปชิว ๆ ในวันเบา ๆ ได้แล้วล่ะค่ะ

ดูแลผิวหน้า

ผิวหน้าสวยด้วยแอปเปิ้ล
ในหมู่ผู้หญิงเรา คงไม่มีใครที่อยากจะมีผิวหมองคล้ำดูไม่สดใส สาว ๆ ทุกคนต่างปรารถนาที่จะมีผิวสวยใส อ่อนเยาว์ ด้วยกันทั้งนั้น วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยมีสูตรผิวสวยด้วยแอปเปิ้ลมาฝาก ให้สาว ๆ ได้เอาไปลองทำกันดู รับรองว่าคุณจะมีผิวสวย อ่อนเยาว์ขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อเลยล่ะค่ะ

           ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า แอปเปิ้ลนั้นเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อผิวอย่างมากมาย ช่วยในเรื่องของการเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้านของผิว มีวิตามินซีช่วยในเรื่องของผิวสว่างใส และแอนตี้ออกซิแดนท์ที่ช่วยให้ผิวตึงกระชับ ลดการร่วงโรยของผิว โอโห คุณสมบัติขนาดนี้แล้ว สาว ๆ จะไม่ลองนำมาใช้กับผิวได้อย่างไร ว่าแล้ว เราก็ไปดูสูตรผิวใสที่นำมาฝากกันวันนี้ได้แล้วค่ะ

           1. สูตรพอกหน้าแอปเปิ้ลและน้ำนม นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นทั้งเปลือก เสร็จแล้วใส่น้ำนมลงไปปั่นให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทั้งไว้ 20 นาทีแล้วล้างออก น้ำนมซึ่งช่วยให้ผิวขาวใสและแอปเปิ้ลที่ให้ความชุ่มชื้นก็จะทำให้ผิวคุณดูสว่างใสขึ้น

           2. สูตรพอกหน้าแอปเปิ้ลน้ำผึ้ง นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นกับน้ำผึ้ง ทำเช่นเดียวกับสูตรแรก จะช่วยให้ผิวหน้านุ่มชุ่มชื้นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

           3. สูตรพอกหน้าแอปเปิ้ลผสมมะนาว ปั่นแอปเปิ้ลทั้งเปลือกแล้วบีบมะนาวลงเล็กน้อย จากนั้นนำมาพอกหน้า จะช่วยผลัดเซลล์ผิวพร้อมกับเพิ่มความชุ่มชื้น และลดความแห้งกร้านไปพร้อม ๆ กัน

          4. สูตรพอกหน้าแอปเปิ้ลอโวคาโด สำหรับสาว ๆ ที่มีอโวคาโดติดตู้เย็นไว้ล่ะก็ ให้คว้านเอาเนื้ออโวคาโดปั่นเข้ากับแอปเปิ้ลแล้วนำมาพอกหน้า หรือผิวกาย ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก จะมีคุณสมบัติเหมือนสครับช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออกไป เผยผิวใหม่ที่สว่างใสกว่าเดิม

          และนี่ก็คือสูตรผิวใสที่นำมาฝากกันวันนี้ สาว ๆ สามารถทำวิธีนี้ได้ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ ซึ่งหากทำได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือนแล้ว คุณก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของผิวหน้า ที่มาจากแอปเปิ้ลได้อย่างชัดเจน และนอกจากนี้ การทานแอปเปิ้ลให้ได้วันละ 1 ผล ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับผิว อีกทั้งยังทำให้ไม่หิวง่าย ให้สาว ๆ ได้รักษาหุ่นสวยไว้นาน ๆ อีกด้วย

เกลือ เพื่อความงาม

เกลือ...เพื่อความงาม (คู่หูเดินทาง)
               รู้ไหมว่า ดีเกลือฝรั่ง หรือ Epsom Salt (หาซื้อได้ตามร้านขายยาไทยจีน) นอกจากจะนำมาใช้เป็นยาถ่ายแล้ว ยังนำมาใช้ประโยชน์ในการดูแลความงามได้อีกหลายวิธี ลองเลือกวิธีที่คุณชอบไปใช้เสริมความงามกันดู
        1. แช่น้ำอุ่นให้สบาย โดยผสมดีเกลือลงในน้ำอุ่น 2 ถ้วยตวง แล้วเทใส่อ่างอาบน้ำเพื่อแช่กายให้ผ่อนคลายแบบสุด ๆ

        2. แช่เท้า เพื่อขจัดกลิ่นและทำให้ผิวหยาบๆ นุ่มลง ผสมดีเกลือ 1/2 ถ้วยตวงลงในอ่างน้ำอุ่น จากนั้นก็แช่ให้สบาย เสร็จแล้วก็ล้างน้ำแล้วเช็ดให้แห้ง

        3. ทำความสะอาดผิวหน้า ผสมดีเกลือครึ่งช้อนชาเข้ากับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าตามปกติของคุณ ใช้นวดลงบนผิวหน้าให้ทั่ว แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น

        4. พอกหน้า ถ้าคุณมีผิวธรรมดาถึงผิวมัน ผสมบรั่นดี 1 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ 1 ฟอง นมผงแบบไร้ไขมัน 1/4 ถ้วยตวง น้ำมะนาว 1 ลูก และดีเกลือ 1/2 ช้อนชาเข้าด้วยกัน แล้วทาลงบนผิวที่เปียกหมาด ๆ แต่ถ้าคุณมีผิวแห้ง ให้ผสมแครอทบดละเอียด 1/4 ถ้วย มายองเนส 1/2 ช้อนชา และดีเกลือ 1/2 ช้อนชาเข้าด้วยกัน

        5. ขัดผิวกาย นวดดีเกลือหนึ่งกำมือลงบนผิวเปียก ๆ โดยเริ่มจากเท้าขึ้นมา ขัดผิวในลักษณะวนเป็นวงกลม เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออก หลังจากนั้นก็อาบน้ำตามปกติ ตามด้วยการทาบอดี้โลชั่นเติมความชุ่มชื้น

        6. ขจัดน้ำมันส่วนเกิน ถ้าเส้นผมของคุณเป็นมันเยิ้ม เติมดีเกลือ 9 ช้อนโต๊ะ ลงในแชมพูสำหรับผมมัน 1/2 ถ้วย ทาส่วนผสมนั้นลงบนเส้นผมในขณะแห้ง แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น เทน้ำส้มสายชูที่ทำจากแอปเปิ้ลที่ เรียกกันว่า แอปเปิ้ลไซเดอร์ ลงบนเส้นผมให้ทั่ว ทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออก ทำสัปดาห์ละ 1 -2 ครั้ง จะช่วยลดความมันส่วนเกินได้

ผิวสวยด้วยมะเขือเทศ

ผิวสวยด้วยมะเขือเทศ(ไทยโพสต์)

          อากาศเย็นตอนกลางคืน และแดดเปรี้ยงตอนกลางวันในระยะนี้ ไม่เพียงแต่ต้องระวังเรื่องสุขภาพเพราะความแปรปรวนของอุณหภูมิเท่านั้น แต่ผิวสวย ๆ ของเราก็มีโอกาสหยาบกร้าน และเป็นปัญหาขึ้นมาได้ วันนี้เราจึงมีเรื่องผิวสวยด้วยวิธีบ้าน ๆ มาบอกกล่าวค่ะ
    
          มะเขือเทศ เป็นของที่หาได้ง่ายในบ้านเรา ในมะเขือเทศมีปริมาณของวิตามินซีสูง ซึ่งช่วยแก้ปัญหาเรื่องสิวและทำให้ผิวกระจ่างใส ช่วยทำให้ผิวเย็นและกระชับรูขุมขนมี Curotenoid วิตามินหลากหลายชนิด น้ำมะเขือเทศสุกมีสาร Licopersioin มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและแบคทีเรียช่วยรักษาสิวสมานได้ดี รวมถึงมีวิตามินเอซึ่งมีหน้าที่ในการสร้างผิวสุขภาพดี เป็นกรดธรรมชาติที่มี คุณสมบัติช่วยสร้างสมดุลให้กับผิว และช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกินออกไป สารต้านอนุมูลอิสระในมะเขือเทศนั้นช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระต่าง ๆ โดยเฉพาะในเรื่องของผิวพรรณ เช่น ช่วยรักษาสิว
    
แพทย์หญิงกานต์ชนก พานิช กรรมการผู้จัดการกานต์ชนกคลินิก มีวิธีการดูแลผิวด้วยมะเขือเทศมาฝากดังนี้

กระชับรูขุมขนด้วยมะเขือเทศและมะนาว

          ผสมน้ำมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำมะนาวสด 2-4 หยด แล้วใช้สำลีชุบน้ำมะเขือเทศกับมะนาวที่ผสมไว้บนผิวบริเวณที่ต้องการ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วใช้น้ำอุ่นเกือบเย็นล้างออกเพื่อทำให้รูขุมขนหดตัวลง และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

รักษาสิวด้วยเนื้อมะเขือเทศ

          ลองใช้วิธีนี้ในการรักษาสิวที่เรื้อรังไม่หายขาด บดมะเขือเทศสด แล้วทาให้ทั่วใบหน้า แล้วหลับตาพักผ่อนโดยทิ้งให้มะเขือเทศอยู่บนใบหน้าประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นเกือบเย็น ใช้วิธีนี้ทุกวันเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ก็จะเห็นผล

ล้างหน้าด้วยมะเขือเทศ

          หั่นมะเขือเทศออกเป็นครึ่งลูกแล้วนำมาถูให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที พยายามถูในบริเวณที่เป็นสิวหัวดำมากกว่าที่อื่น แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น เกือบเย็น ใช้วิธีนี้เมื่อต้องการล้างหน้าพร้อมกระชับรูขุมขน และยังช่วยลดความมันส่วนเกินได้ด้วย

กระชับรูขุมขนด้วยมะเขือเทศ

          เป็นสูตรกระชับรูขุมขนแบบเย็นและอ่อนโยน โดยคั้นให้ได้น้ำมะเขือเทศสดพร้อม ดื่ม หั่นแตงกวาบางๆ แล้วบีบให้ได้น้ำแตงกวาลงไปในน้ำมะเขือเทศ คนให้เข้ากัน แล้วใช้สำลีทาให้ทั่วใบหน้า จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่นพอสมควร ควรใช้วันละหนึ่งครั้งเพื่อให้ได้ผลดี

พอกหน้าด้วยมะเขือเทศ
    
          โดยนำมะเขือเทศสดไร้สารตกค้าง มาปั่นให้ละเอียด (หรือคั้นสดๆ ก็ได้ หากไม่มีเครื่องปั่นผลไม้)  นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีล้างออกด้วยน้ำสะอาด ทำสัปดาห์ละ 2-3  ครั้ง ทำให้ใบหน้าแลดูสดใสเปล่งปลั่งขึ้นทันตา แต่สำหรับบางคนที่ไม่มีเวลาหรือขี้เกียจทำเองละก็ ลองเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมะเขือเทศมาใช้แทนก็ได้

          นอกจากนี้ มะเขือเทศยังมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อรา ช่วยเป็นยารักษาโรคผิวหนัง โดยใช้ใบตำให้ละเอียดทาบริเวณที่เป็นผลมีรสเปรี้ยว เสริมวิตามินซี เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยดับกระหาย ช่วยให้กระเพาะอาหาร ลำไส้ ไต ให้ทำงานได้ดีขึ้น และยังสามารถต้านอนุมูลอิสระ ขับสารพิษจากร่างกาย และเหมาะที่จะเป็นอาหารสำหรับคนเป็นโรคนิ่ว วัณโรค ไทฟอยด์ หูอักเสบ และเหยื่อตาอักเสบ โดยรับประทานผลสด ผู้ที่รับประทานมะเขือเทศเป็นประจำ จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ช่วยแก้อาการปวดฟัน โดยนำราก ลำต้น และใบแก่ต้มกับน้ำรับประทาน

ภูเก็ต

10.การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เกราะภูเก็ต
   เกาะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย รวมถึงยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับโลกเลยทีเดียว ทำรายได้ ปีละหลายหมื่นล้านบาท ก็คงจะไม่เเปลกที่จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากมาย กว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะสร้างโรงเเรมรีสอร์ทบ้านพักตากอากาศรวมถึงท่าเทียบเรือมารีนาด้วย
เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภาคใต้ในทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดียมีเกาะบริวาร 32 เกาะ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 862 กิโลเมตร พื้นที่ประมาณร้อยละ 70 เป็นภูเขาตลอดแนวจากทิศเหนือถึงทิศใต้ และร้อยละ 30 เป็นพื้นที่ราบอยู่ตอนกลางและตะวันออกของเกาะ พื้นที่ฝั่งตะวันตกเป็นภูเขาและหาดทรายที่สวยงาม มีพื้นที่ป่าอยู่ตามบริเวณที่เป็นเขตภูเขา มีสภาพเป็นป่าดิบ ด้านตะวันออกมีสภาพเป็นป่าชายเลน และด้านตะวันตกเป็นหาดทรายสวยงาม จังหวัดภูเก็ตไม่มีแม่น้ำ มีแต่ลำคลอง น้ำที่ใช้มาจากแหล่งน้ำผิวดิน และแหล่งน้ำใต้ดิน ทรัพยากรชายฝั่ง ได้แก่ ปะการัง พบบริเวณหาดสุรินทร์, อ่าวบางเทา, หาดกมลา, หาดราไวย์, หาดไนหาน, หาดป่าตอง, กะตะ, กะรน, ราชาน้อย, เกาะเฮ เป็นต้น ป่าชายเลน 9,712 ไร่ การเพาะเลี้ยงกุ้งประมาณ 1,695 ไร่ แร่ธาตุในทะเล และสำรวจพบหญ้าทะเลอย่างน้อย 5 ชนิด  http://old.dek-d.com/board/view.php?id=1055502#ixzz1AVV0hoOw

     ดูจากทุกวันนี้มองไปทางไหนก็มีแต่โรงเเรม รีสอร์ท ที่นับวันก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆนับไม่ถ้วนมองๆดูเกาะ  ภูเก็ตตอนนี้นั้นได้กลายเป็นเกาะที่พัฒนาเเล้วจริงๆก็คงสืบเนื่องมาจากเเผนนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ที่ส่งเสริมให้เกาะภูเก็ตเป็นเกาะที่เหมาะสมกับการมาพักผ่อนจริงๆเเต่ลืมมองดูไปว่าบนเกาะนั้นมีชาวบ้านที่เกิดและอาศัยอยู่บนเกาะนี้ที่ยังคงทำอาชีพหากุ้ง หอย ปู ปลา บนเกาะเเห่งนี้อยู่ด้วย ตอนนี้ก็ยังพอทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพประมงได้อยู่หรอกเเต่ต่อไปในภายภาคหน้าก็คงจะเป็นพนักงานตามโรงเเรมตามรีสอร์ทต่างๆ เพราะคงจะไม่มีพื้นที่ทางทะเลที่เคยเป็นของทุกคนให้ได้ทำมาหากินตามวิถีชีวิตของคนดั้งเดิมกันเเล้ว ก็คงจะมีเเต่โรงเเรมหรูๆระดับ 5ดาว 7ดาวที่ชาวบ้านได้เเต่นั่งมองดูดาวของโรงเเรมต่างๆว่าโรงเเรมไหนจะกี่ดาวกันนะ จากความเป็นจริงตอนนี้เราก็คงจะหลีกเลี่ยงกับการพัฒนาการท่องเที่ยวไม่ได้  นอกจากพวกเราทุกคนจะช่วยกันสอดส่องดูแลคัดค้านและต่อต้านการบุกรุกทรัพยากรทางธรรมชาติรวมถึงการเอารัดเอาเปรียบของนายทุน ที่เพียงแต่เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง และตอนนี้ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ก็คงจะเป็นเรื่องการสร้างท่าเทียบเรือมารีนาต่างๆที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ที่ดูแล้วไม่เหมาะสมในเเต่ละพื้นที่ เพราะส่งผลต่อระบบนิเวศน์ทางทะเลและอาชีพประมงของชาวบ้านด้วย รวมถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะมาจากคำว่าพัฒนามองดูกันจริงๆที่ผ่านมาใครพัฒนาใครกันแน่
      ในอดีตที่ผ่านมาถ้าเรามองย้อนดูเกาะภูเก็ตนั้นมีชายหาดที่น่าท่องเที่ยวหลายแห่ง มีความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งทางบก ทางทะเล และทรัพยากรชายฝั่งเหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวภูเก็ต รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย และส่วนหนึ่งก็ยังเป็นพื้นที่ทางทะเลให้ชาวบ้านได้ทำอาชีพในจังหวัดภูเก็ตนั้น มีชายหาดหลายแห่งที่น่าสนใจ เช่น ชายหาดป่าตอง, หาดกะตะ-กะรน, หาดในหาน, หาดในยาง, หาดบางเทา, หาดสุรินทร์ และชายหาดอื่นๆ อีกมากมาย แต่ที่น่าสนใจก็คงจะเป็นชายหาดบ้านป่าคลอกที่มีความสวยงามอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น หญ้าทะเล แหล่งปะการัง และสัตว์น้ำหลายชนิด เช่น พะยูน โลมา และเต่าทะเล ที่พบเจอกันบ่อยๆรวมถึงยังเป็นพื้นที่ทำอาชีพประมงให้แก่ชาวบ้านด้วยและตอนนี้ที่กำลังเป็นปัญหาก็คือหมู่บ้านยามูในตำบลป่าคลอกที่ตอนนี้พื้นที่บริเวณแหลมยามูได้ถูกกว้านซื้อจากกลุ่มนายทุนที่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครอง ได้ทำการสร้างโรงแรมและบ้านพักตากอากาศบนสันแหลมยามู และที่จะตามมาก็คือโครงการสร้างท่าเทียบเรือมารีน่าที่ลงไปในทะเล และถ้ามีท่าเทียบเรือเกิดขึ้น ก็จะส่งผลต่อระบบนิเวศทางทป่าคลอกนั้นเองะเลเป็นอย่างมาก เพราะบริเวณชายหาดบ้านยามูนั้นเป็นชายหาดเดียวกับชายหาดบ้านป่าคลอก หรืออ่าวป่าคลอกนั้นเอง
         นอกจากผลกระทบทางทะเลแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อชาวบ้านอีกด้วย เพราะโครงการของกลุ่มนายทุนสร้างโรงแรม บ้านพักตากอากาศคร่อมทางเดินสาธารณะของชาวบ้านอีกด้วย และเส้นทางนี้ชาวบ้านใช้เดินลงไปทำมาหากินในทะเล แต่ตอนนี้ใครเดินผ่านก็ต้องแลกบัตรเข้าออกกับยามของบริษัททุกครั้งที่เดินผ่าน และที่น่าเห็นใจชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง ก็คงจะเป็นความเห็นแก่ตัวของนายทุนที่ลงทุนสร้างบันได 100 กว่าขั้น

ให้ชาวบ้านใช้สัญจรใหม่ แต่ไม่สงสารชาวบ้านเลยว่าจะนำเครื่องมือประมงเดินขึ้นลงบันได 100 กว่าขั้นได้อย่างไร และต่อไปในอนาคต ชายหาดบริเวณหมู่บ้านยามูชาวบ้านก็คงจะเข้าไปใช้กันได้ยากมากขึ้นเพราะส่วนหนึ่งไม่มีทางให้สัญจร และที่สำคัญชายหาดบางส่วนก็เป็นของโรงแรมไปหมด เพราะนายทุนสร้างโรงแรมบ้านพักตากอากาศติดริมทะเล ก็เลยเป็นผลพลอยได้ของนายทุนที่ครอบครองเอาชายหาดไปเป็นชายหาดส่วนตัว
      เพราะฉะนั้นพวกเราจึงควรช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ไว้ให้ลูกให้หลานดูในอนาคต ไม่ใช่ว่ามีแต่โรงแรมหรูๆ ที่อยู่ริมชายหาด มีเรือสำราญลำใหญ่มาจอดเทียบท่าเรือ แล้วก็เดินเข้าพักในโรงแรมเล่นน้ำสบายใจ  แต่ชาวบ้านได้แต่มองดู  แม้แต่จะเข้าไปเล่นน้ำก็ไม่สามารถเล่นได้    ก็คงจะมีแต่พวกเราและชาวบ้านในพื้นที่ที่จะช่วยกันต่อต้าน และช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญไว้ไม่ให้ถูก
ทำลายจากกลุ่มคนที่หวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการพัฒนาที่ไร้ทิศทางของรัฐบาล http://www.oknation.net/blog/powermedia50/2010/09/07/entry-2

11.ผลกระทบทางบวกที่เกิดกับชุมชน
1.ชุมชนเกิดการสร้างรายได้กระจายไปสู้ครัวเรือนให้มีอาชีพทำมาหากินเพิ่มมากขึ้น
2. มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น
3.มีรายได้จากแหล่งรายได้ใหม่ และรายได้ที่เพิ่มจากการท่องเที่ยว
4. เกิดการพัฒนาต่อชุมชนและเกิดการติดต่อในทางสังคม
5.สภาพแวดล้อมเกิดความสวยงามมีความน่าอยู่มากขึ้น
6.มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มมากขึ้นตามความเจริญของแหล่งท่องเที่ยว



12. ผลกระทบทางลบที่เกิดกับชุมชน
1.ชุมชนอาจเกิดการรุกลำจากนายทุนที่เขามาทำธุรกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นทำให้สภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมโดยลอบถูกทำลายจากการท่องเที่ยว
2.เกิดปัญหาขยะที่เกิดจากคนหมู่มากมากรวมตัวกัน
3.ชาวบ้านต้องนอนดูโรงแรมแทนการดูดาวเพราะสิ่งก่อสร้างมากจนเกิดทำทำให้สภาพแวดล้อมไม่ดีเกิดความตึงเครียด
4.นายทุนสร้างโรงแรมติดกับถนนของสาธารณะทำให้การเดินทางไม่สะดวกเท่าที่ควร
5. มีการสร้างท่าเรื่อที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทางทะเลและอาชีพประมงของชาวบ้าน
6. วิถีชีวิตของชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเนื่องจากสภาพความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน

13.ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
   1. นำเอามาตรการที่เป็นกฎหมาย ข้อบังคับ หรือข้อกำหนดมาใช้
   2.กรณีกฎหมายที่ให้อำนาจส่วนท้องถิ่นสามารถกำหนดมาตรฐานตามข้อบังคับของท้องถิ่นเพื่อให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
   3. การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เขาชมทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละวันและกำหนดเวลา
   4. การจำกัดพื้นที่และควบคุมขนาดการพัฒนา
   5. ให้ชาวบ้านมีส่วนรวมในการออกความคิดเห็น
   6. ต้องไม่สร้างอะไรที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเกิดความเสียหายหรือเสียหายให้น้อยที่สุด