10.การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เกราะภูเก็ต
เกาะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทย รวมถึงยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในระดับโลกเลยทีเดียว ทำรายได้ ปีละหลายหมื่นล้านบาท ก็คงจะไม่เเปลกที่จะมีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากมาย กว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะสร้างโรงเเรมรีสอร์ทบ้านพักตากอากาศรวมถึงท่าเทียบเรือมารีนาด้วย
เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของภาคใต้ในทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดียมีเกาะบริวาร 32 เกาะ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 862 กิโลเมตร พื้นที่ประมาณร้อยละ 70 เป็นภูเขาตลอดแนวจากทิศเหนือถึงทิศใต้ และร้อยละ 30 เป็นพื้นที่ราบอยู่ตอนกลางและตะวันออกของเกาะ พื้นที่ฝั่งตะวันตกเป็นภูเขาและหาดทรายที่สวยงาม มีพื้นที่ป่าอยู่ตามบริเวณที่เป็นเขตภูเขา มีสภาพเป็นป่าดิบ ด้านตะวันออกมีสภาพเป็นป่าชายเลน และด้านตะวันตกเป็นหาดทรายสวยงาม จังหวัดภูเก็ตไม่มีแม่น้ำ มีแต่ลำคลอง น้ำที่ใช้มาจากแหล่งน้ำผิวดิน และแหล่งน้ำใต้ดิน ทรัพยากรชายฝั่ง ได้แก่ ปะการัง พบบริเวณหาดสุรินทร์, อ่าวบางเทา, หาดกมลา, หาดราไวย์, หาดไนหาน, หาดป่าตอง, กะตะ, กะรน, ราชาน้อย, เกาะเฮ เป็นต้น ป่าชายเลน 9,712 ไร่ การเพาะเลี้ยงกุ้งประมาณ 1,695 ไร่ แร่ธาตุในทะเล และสำรวจพบหญ้าทะเลอย่างน้อย 5 ชนิด http://old.dek-d.com/board/view.php?id=1055502#ixzz1AVV0hoOw
ดูจากทุกวันนี้มองไปทางไหนก็มีแต่โรงเเรม รีสอร์ท ที่นับวันก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆนับไม่ถ้วนมองๆดูเกาะ ภูเก็ตตอนนี้นั้นได้กลายเป็นเกาะที่พัฒนาเเล้วจริงๆก็คงสืบเนื่องมาจากเเผนนโยบายพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ที่ส่งเสริมให้เกาะภูเก็ตเป็นเกาะที่เหมาะสมกับการมาพักผ่อนจริงๆเเต่ลืมมองดูไปว่าบนเกาะนั้นมีชาวบ้านที่เกิดและอาศัยอยู่บนเกาะนี้ที่ยังคงทำอาชีพหากุ้ง หอย ปู ปลา บนเกาะเเห่งนี้อยู่ด้วย ตอนนี้ก็ยังพอทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพประมงได้อยู่หรอกเเต่ต่อไปในภายภาคหน้าก็คงจะเป็นพนักงานตามโรงเเรมตามรีสอร์ทต่างๆ เพราะคงจะไม่มีพื้นที่ทางทะเลที่เคยเป็นของทุกคนให้ได้ทำมาหากินตามวิถีชีวิตของคนดั้งเดิมกันเเล้ว ก็คงจะมีเเต่โรงเเรมหรูๆระดับ 5ดาว 7ดาวที่ชาวบ้านได้เเต่นั่งมองดูดาวของโรงเเรมต่างๆว่าโรงเเรมไหนจะกี่ดาวกันนะ จากความเป็นจริงตอนนี้เราก็คงจะหลีกเลี่ยงกับการพัฒนาการท่องเที่ยวไม่ได้ นอกจากพวกเราทุกคนจะช่วยกันสอดส่องดูแลคัดค้านและต่อต้านการบุกรุกทรัพยากรทางธรรมชาติรวมถึงการเอารัดเอาเปรียบของนายทุน ที่เพียงแต่เอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมไม่สนใจว่าใครจะเป็นยังไง และตอนนี้ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ก็คงจะเป็นเรื่องการสร้างท่าเทียบเรือมารีนาต่างๆที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ที่ดูแล้วไม่เหมาะสมในเเต่ละพื้นที่ เพราะส่งผลต่อระบบนิเวศน์ทางทะเลและอาชีพประมงของชาวบ้านด้วย รวมถึงวิถีชีวิตของคนในชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะมาจากคำว่าพัฒนามองดูกันจริงๆที่ผ่านมาใครพัฒนาใครกันแน่
ในอดีตที่ผ่านมาถ้าเรามองย้อนดูเกาะภูเก็ตนั้นมีชายหาดที่น่าท่องเที่ยวหลายแห่ง มีความหลากหลายทางทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งทางบก ทางทะเล และทรัพยากรชายฝั่งเหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวภูเก็ต รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วย และส่วนหนึ่งก็ยังเป็นพื้นที่ทางทะเลให้ชาวบ้านได้ทำอาชีพในจังหวัดภูเก็ตนั้น มีชายหาดหลายแห่งที่น่าสนใจ เช่น ชายหาดป่าตอง, หาดกะตะ-กะรน, หาดในหาน, หาดในยาง, หาดบางเทา, หาดสุรินทร์ และชายหาดอื่นๆ อีกมากมาย แต่ที่น่าสนใจก็คงจะเป็นชายหาดบ้านป่าคลอกที่มีความสวยงามอุดมสมบูรณ์ไปด้วยแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น หญ้าทะเล แหล่งปะการัง และสัตว์น้ำหลายชนิด เช่น พะยูน โลมา และเต่าทะเล ที่พบเจอกันบ่อยๆรวมถึงยังเป็นพื้นที่ทำอาชีพประมงให้แก่ชาวบ้านด้วยและตอนนี้ที่กำลังเป็นปัญหาก็คือหมู่บ้านยามูในตำบลป่าคลอกที่ตอนนี้พื้นที่บริเวณแหลมยามูได้ถูกกว้านซื้อจากกลุ่มนายทุนที่มีเอกสารสิทธิ์ครอบครอง ได้ทำการสร้างโรงแรมและบ้านพักตากอากาศบนสันแหลมยามู และที่จะตามมาก็คือโครงการสร้างท่าเทียบเรือมารีน่าที่ลงไปในทะเล และถ้ามีท่าเทียบเรือเกิดขึ้น ก็จะส่งผลต่อระบบนิเวศทางทป่าคลอกนั้นเองะเลเป็นอย่างมาก เพราะบริเวณชายหาดบ้านยามูนั้นเป็นชายหาดเดียวกับชายหาดบ้านป่าคลอก หรืออ่าวป่าคลอกนั้นเอง
นอกจากผลกระทบทางทะเลแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อชาวบ้านอีกด้วย เพราะโครงการของกลุ่มนายทุนสร้างโรงแรม บ้านพักตากอากาศคร่อมทางเดินสาธารณะของชาวบ้านอีกด้วย และเส้นทางนี้ชาวบ้านใช้เดินลงไปทำมาหากินในทะเล แต่ตอนนี้ใครเดินผ่านก็ต้องแลกบัตรเข้าออกกับยามของบริษัททุกครั้งที่เดินผ่าน และที่น่าเห็นใจชาวบ้านเป็นอย่างยิ่ง ก็คงจะเป็นความเห็นแก่ตัวของนายทุนที่ลงทุนสร้างบันได 100 กว่าขั้น
ให้ชาวบ้านใช้สัญจรใหม่ แต่ไม่สงสารชาวบ้านเลยว่าจะนำเครื่องมือประมงเดินขึ้นลงบันได 100 กว่าขั้นได้อย่างไร และต่อไปในอนาคต ชายหาดบริเวณหมู่บ้านยามูชาวบ้านก็คงจะเข้าไปใช้กันได้ยากมากขึ้นเพราะส่วนหนึ่งไม่มีทางให้สัญจร และที่สำคัญชายหาดบางส่วนก็เป็นของโรงแรมไปหมด เพราะนายทุนสร้างโรงแรมบ้านพักตากอากาศติดริมทะเล ก็เลยเป็นผลพลอยได้ของนายทุนที่ครอบครองเอาชายหาดไปเป็นชายหาดส่วนตัว
เพราะฉะนั้นพวกเราจึงควรช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ไว้ให้ลูกให้หลานดูในอนาคต ไม่ใช่ว่ามีแต่โรงแรมหรูๆ ที่อยู่ริมชายหาด มีเรือสำราญลำใหญ่มาจอดเทียบท่าเรือ แล้วก็เดินเข้าพักในโรงแรมเล่นน้ำสบายใจ แต่ชาวบ้านได้แต่มองดู แม้แต่จะเข้าไปเล่นน้ำก็ไม่สามารถเล่นได้ ก็คงจะมีแต่พวกเราและชาวบ้านในพื้นที่ที่จะช่วยกันต่อต้าน และช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญไว้ไม่ให้ถูก
11.ผลกระทบทางบวกที่เกิดกับชุมชน
1.ชุมชนเกิดการสร้างรายได้กระจายไปสู้ครัวเรือนให้มีอาชีพทำมาหากินเพิ่มมากขึ้น
2. มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น
3.มีรายได้จากแหล่งรายได้ใหม่ และรายได้ที่เพิ่มจากการท่องเที่ยว
4. เกิดการพัฒนาต่อชุมชนและเกิดการติดต่อในทางสังคม
5.สภาพแวดล้อมเกิดความสวยงามมีความน่าอยู่มากขึ้น
6.มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มมากขึ้นตามความเจริญของแหล่งท่องเที่ยว
12. ผลกระทบทางลบที่เกิดกับชุมชน
1.ชุมชนอาจเกิดการรุกลำจากนายทุนที่เขามาทำธุรกิจและจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นทำให้สภาพแวดล้อมและสิ่งแวดล้อมโดยลอบถูกทำลายจากการท่องเที่ยว
2.เกิดปัญหาขยะที่เกิดจากคนหมู่มากมากรวมตัวกัน
3.ชาวบ้านต้องนอนดูโรงแรมแทนการดูดาวเพราะสิ่งก่อสร้างมากจนเกิดทำทำให้สภาพแวดล้อมไม่ดีเกิดความตึงเครียด
4.นายทุนสร้างโรงแรมติดกับถนนของสาธารณะทำให้การเดินทางไม่สะดวกเท่าที่ควร
5. มีการสร้างท่าเรื่อที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ทางทะเลและอาชีพประมงของชาวบ้าน
6. วิถีชีวิตของชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเนื่องจากสภาพความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อมเปลี่ยน
13.ข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
1. นำเอามาตรการที่เป็นกฎหมาย ข้อบังคับ หรือข้อกำหนดมาใช้
2.กรณีกฎหมายที่ให้อำนาจส่วนท้องถิ่นสามารถกำหนดมาตรฐานตามข้อบังคับของท้องถิ่นเพื่อให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
3. การจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวที่เขาชมทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละวันและกำหนดเวลา
4. การจำกัดพื้นที่และควบคุมขนาดการพัฒนา
5. ให้ชาวบ้านมีส่วนรวมในการออกความคิดเห็น
6. ต้องไม่สร้างอะไรที่ทำให้สิ่งแวดล้อมเกิดความเสียหายหรือเสียหายให้น้อยที่สุด